บันทึกเข้าค่ายพักแรม ม.4 ที่บ้านดงน้อย เมื่อ 16-17 ก.พ.2533
เช้าวันที่ 16 ก.พ.2533 ตอน 6 โมงครึ่ง ลงไปเตรียมข้าวของ จาน ช้อน ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ฯลฯ บรรจุใส่เป้ที่เคยใช้มาตั้งแต่ตอนไปค่ายพักแรม ม.3
เอาเสื่อไป 2 ผืน ..หมู่ลูกเสือของเรามีสมาชิก คือ ยุทธนา หล้าก่ำ , ชัยสิทธิ์, อมร, วิทัศน์ วรรณชัย, อรรถพร สุนทราทรพิพัฒน์, อาษา
และนิรันดร จำเริญสาร ซึ่งเป็นนายหมู่ แต่นิรันดร มีภารกิจมาก เป็นทั้งนักฟุตบอล ไปสอบเทียบ, ติดธุระ เลยให้อรรถพรรับหน้าที่เป็นนายหมู่
....หลังจากที่มารวมกันที่ กพส.ในตอนเช้า รวมไม้ง่าม ตรวจของ ตรวจเป้ รายงานตัว เช็คจำนวนแล้ว ก็พากันออกเดินทาง หมู่เราก็เดินตามเขาไป
จากประตู 2 ไปทางตลาด เข้าถนนทุ่งศรีเมือง เดินไปเรื่อยๆเป็นกลุ่ม เดินคุยกับคนโน้นคนนี้ แบกทั้งเป้ กระปุกน้ำ หม้อ พะรุงพะรัง
เดินผ่านโรงเรียนทุ่งศรีเมืองไปเรื่อยๆ จนเข้าทางลูกรัง เดินไปเรื่อยๆจนสุดเขตเทศบาล ก็มาถึง ฐานที่ 1 ทดสอบกันก่อน ..ทดสอบกฏ คำปฏิญาณ
ตรวจเครื่องแบบ..ก็รอกันนานอยู่พอสมควร อาจารย์ท่านเลยให้สอบทีละ 2 หมู่ ซึ่งครั้งนี้ ลูกเสือและเนตรนารี ไปด้วยกัน เดินทางเดียวกัน
เดินผ่านบ้านกกกอก ชมทุ่งนา 2 ข้างทาง พอเดินไปนานๆ ไอ้กระเป๋า..ยุทธนา หล้าก่ำ ก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าผ้าใบ เอามาใส่เดิน แล้วสักพัก
ก็เปลี่ยนกลับไปใส่คู่เดิม แล้วก็เปลี่ยนอีกหลายรอบ พอรถแล่นสวนมา ก็เปลี่ยนจากเดินริมถนนไปเดินข้างทาง จะได้ไม่โดนฝุ่นลูกรังปลิวใส่
เดินมาจนถึงหมู่บ้านหนึ่ง เจอด่าน อ.สมเกียรติ รอตรวจ แล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป เดินไปตามถนนจนไปเจอด่าน อ.คมสันต์
และด่านสุดท้ายไปเจออาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้) ให้สอบคำปฏิญาณ.. พอไปถึง นายหมู่ก็เข้าไปรายงานตัว "กระผม
นำลูกเสือมาจำนวน.....นาย ฯลฯ ระหว่างใกล้จะถึงบ้านดงน้อย บ้านของทรงสิทธิ์ ทองจรัส ก็เดินไปเจอเพื่อนห้องอื่นๆ เลยได้เดินคุยกันไป ขึ้นมอ
ลงมอ ทักทายคนนั้นคนนี้ ม่วนดี
เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางแยกเข้าบ้านดงน้อย ก็เลี้ยวเข้าไป ระหว่างเดินๆ ก็เห็นชาวบ้านแบกขนของไปที่ไหนสักแห่ง เลยพากันเดินตามชาวบ้าน ต้อยๆๆๆๆ
ไป มาถึงทางเข้าหมู่บ้านดงน้อย 2 ข้างทางมีต้นไม้สูง ก็เดินตามหลังลูกเสือหมู่อื่นๆไปติดๆ เข้าไปที่โรงเรียนบ้านดงน้อย
เข้าไปรายงานตัวตามขั้นตอน แล้วก็พักผ่อน นายหมู่- อรรถพร พาเอาของไปไว้ที่ร่มไม้ด้านหนึ่งของสนาม โรงอาหารก็อยู่อีกฟากหนึ่งของสนาม
เลยเดินข้ามไปยังโรงอาหาร ไปเยอ นก เพ็ญนภา อินทรแป้น เข้าไปทักทาย จนได้ลูกอมมาหลายเม็ด เลยเอามาฝาก ชัยสิทธิ์ ยุทธนาคนละเม็ด
แล้วก็เดินไปคุยกับบรรดาสาวๆ ช่วงบ่าย ๆ บรรดาเพื่อนที่ติดสอบเทียบ ก็เดินทางมาถึง หลังจากพัก กินข้าวเที่ยวแล้ว เขาก็เรียกมารวมตัว
เพื่อเปิดกอง กล่าวเปิดพิธี อาจารย์แต่ละท่านแนะนำตัว จาก ผอ.ค่าย ไปเรื่อยๆ พอเสร็จพิธี ก็มีการนัดแนะ เพื่อไปพัฒนาสถานที่
หมู่ของเราได้รับมอบหมายให้ไปถางหญ้าที่รกๆ ในช่วงนั้น อ.สมเกียรติ ฝ่ายปกครอง ก็จะไปค้นกระเป๋า ว่าใครแอบพกยาสูบ - บุหรี่
เหล้ามาด้วยหรือไม่ ถ้ามีจะยึดไว้
ในขณะที่กำลังถางหญ้ากันอยู่ อ.ไพชยนต์ ภูตาโก ก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เอาปฏิทินรูปโป้ไปติดที่ยอดไม้ บอกว่า
สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเสือมีกำลังใจ...ทำงานได้ดีขึ้น !!!!!
หลังจากถางหญ้าเสร็จ ก็มารวมกลุ่มนัดแนะ จะต้องไปอาบน้ำ สร้างเต็นท์ ทำธุระต่างๆให้เสร็จก่อน 6โมงเย็น แล้วต้องส่งอาหารหมู่ละ 2
อย่างไปให้ผู้กำกับลูกเสือได้กิน จากนั้น เขาก็พามาเลือกสถานที่ตั้งเต็นท์บริเวณใกล้ๆคลองส่งน้ำ เป็นแถวยาวไป ส่วนเนตรนารี
ให้นอนรอบๆสนามหญ้า จากนั้นก็พากันตอกเสา ทำเต็นท์ หุงข้าวกันไป ตอนค่ำๆ บรรดาผู้หญิงก็พากันไปอาบน้ำไกลๆ อยู่ทางต้นน้ำโน่น อาบน้ำเสร็จ
ก็มากินข้าว นั่งกินตอนมืดๆ เอาแสงไฟมาส่อง ให้พอมองเห็นกับข้าว จะได้ตักกินได้ อาหารค่ำวันนั้น เป็นต้มเส้น ก็ต้องกินๆกันเข้าไป .... ตอนค่ำ
แต่งตัวใส่เสื้อแดง กางเกงยีน เชิ๊ตเขียว ลายขาว ผ่านมาที่เต๊นท์ของเก๊าะ เห็นเปิดวิทยุ เอาไฟฉายมาส่องแสงทำวูบวาบ ทำเหมือนเต้น เธค
สักพักหนึ่ง ก็มีเสียงเรียกไปเข้าแถว เราเอาแว่นตากันแดดพกไปด้วย ทำเท่ พอปัญญา ไพศาล , ชัช ศิกขินเห็น ก็ขอยืมแว่นใส่ มาถ่ายรูปกัน
ทั้งรูปเดี่ยว รูปหมู่ ครู่ใหญ่ก็มารวมตัวรอบกองไฟ กล่าวเปิดพิธีเล่นรอบกองไฟ แล้วมีคนแต่งตัวเป็นคนป่า วิ่งเข้ามาจุดไฟ
การแสดงก็เริ่มต้นขึ้น แต่ละกองจะออกมาโชว์ ของกอง 1 จริน, ฤทธิรงค์ ก็เอาเทปมาเปิดเพลงของอัสนี วสันต์ แล้วบอกว่า
รอบนี้ขอเชิญลูกเสือกองหนึ่งออกมาเต้น แต่ปรากฏว่า ออกมาเต้น มั่วกันเพียบ
"เฮ๊ยๆๆ กอง 1 อะไรกันวะ อยู่กอง 1 หมดเลยเหรอเนี่ย"
การแสดงของกองหนึ่ง นายจริน มาในแบบทอล์คโชว์ พูดเสียง นะฮะ ๆๆๆๆ ถ้าไม่หัวเราะ ก็เอามือจี้เอว นะฮะๆๆๆๆ ส่วนกองอื่นๆก็แสดงไป จน อ.เสน่ห์
นาชัยเวียง ออกมาบอกว่า ถ้ารู้ว่า แบบนี้ สนุก ครูจะเปิดหลายๆรอบ หลายๆเเพลง ว่าแล้วก็ให้เปิด 2-3 เพลง เพลง ศิลปินเดี่ยวของธเนศนี้
เอาเทปเพลงของห้อง 1 เอามาเปิดใส่ไมค์ แล้วเต้นกันไป 2-3 เพลง นราดล ยงยุทธ เริ่มวาดลีลาเต้น หลังจากวางฟอร์มนิ่งมานาน
กำลังเต้นกันเพลิน ๆ อ.เสน่ห์ แก้วพิจิตร ออกมาบอกให้ลูกเสือ เนตรนารีทุกคนไปเปลี่ยนชุด เพื่อเข้าพิธีพิจารณาตนเองภายในเวลา 5 นาที
ก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนกัน แล้วก็ออกมาเข้าแถว เขาพาเดินออกจากเขตโรงเรียน เดินเข้าไปในบริเวณสวนข้างโรงเรียนที่มีต้นไม้ปกคลุมดูครึ้มๆ
บรรยากาศคล้ายป่าช้า ดูน่ากลัว ให้พากันเดิน เกาะเอวกันไปเป็นแถวๆ พอเข้าไปก็ให้นั่งลงในสวนนั้น อาจารย์ก็จะกั้นทางไม่ให้นัหเรียนตกบ่อน้ำ
แล้วพาเดินเข้าไปเหมือนเข้าป่า มองไม่เห็นพื้น ทำให้เดินไปสักหน่อย เดี๋ยวก็เหยียบอะไรสักอย่าง เดินสะดุดบางสิ่ง ..... พากันเดินไปเดินมา
คดเคี้ยว แล้วมาทะลุออกตรงคลองส่งน้ำ พากันเดินต่อมาในแปลงนา ข้ามคันแทนา บางคนเดินสะดุด เพราะไม่ดูทางให้ดี
จนมาหยุดตรงที่เหมือนกับศาลพระภูมิ มีเทียนจุดอยู่ 1 เล่ม
สักพัก มีเสียงลอดออกมาว่า "กฏของลูกเสือข้อที่ 1 ................... .... คำปฏิฎาณตนของลูกเสือ ........"
หลายคนซุบซิบกันว่า เสียงใครนะ จากนั้นก็พากันเดินต่อไปตามทางแคบๆขึ้นๆลงๆ แล้วมาเจอศาลพระภูมิอย่างที่เจอมาแล้วอีก 4-5 จุด
มีเสียงออกมาทำนองเดียวกัน เดินเข้าเดินออก แล้วเดินมาตามทางเดินกลับโรงเรียนบ้านดงน้อย เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี พากันเดินเข้าโรงเรียน
มาทางสวนป่าที่มีต้นไม้สูงครึ้ม เจอศาลา เป็นศาล มีพระพุทธรูปเก่าๆอยู่ในศาล บรรดาลูกเสือก็ไปนั่งอยู่รอบๆบริเวณ หลายคนนั่งหลับไป
เพราะเป็นเวลาตี 1 แล้ว ก็นั่งบนพื้นดิน นั่งรอจนกองอื่นๆเดินทางมาถึง พอมากันครบแล้วก็แจกเทียนคนละ 1 เล่ม กระดาษ 1 แผ่น ให้ทุกคนอ่านในใจ
แล้วให้ตอบคำถามในใจ....
อ.สมชัย ปะเสระกัง ก็พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มๆ เป็นพิธีว่า "เจ้าปฏิบัติแล้วหรือ... ....ฯลฯ" อ่านแต่ละข้อ ต่อหน้าศาล พอเสร็จพิธีแล้ว
ก็เดินออกไปที่สนาม เข้าแถวเป็นกอง แล้วทำการติดแถบสี 3 สี แดง เหลือง เขียว ใส่ที่แขนซ้าย แล้วได้จับมือกับอาจารย์ ซึ่งท่านจะพูดว่า
"ยินดีด้วย"
อ.คมสันต์ จับมือกับองอาจ ห่อพาน แล้วตบบ่า พูดเสียงดังว่า "ยินดีโว้ย"
เสร็จพิธีก็พากันเข้านอน วันนั้นอากาศหนาวมากๆ บางคนนอนคลุมโปงสบายใจ นอกเต็นท์ไกลๆ มีเสียงคุยกันอยู่ ได้กลิ่นมาม่า.... แหม
ต้มมาม่ารอบดึกซะด้วย
หลับๆตื่นๆจนถึงเช้าจนได้ 5.30 น.ตื่นออกมารับลมตอนเช้า ไปหาปัสสาวะตรงทุ่งนาไกลโพ้น แปรงฟัน กินข้าวกับ ขนมปังใส่ปลากระป๋อง อ.บวรเดินมาพอดี
เลยเข้ามาตบหัวทักทาย "ทำไมไม่เรียกครูกินด้วย" ..สงสัยไม่พอแบ่งให้ทานแล้วล่ะครับ มีนิดเดียวเอง....
หลังจากนั้น พากันเก็บข้าวของ หม้อ กะทะ เต็นท์ แล้วพากันขนไปรวม ณ สนามหน้าเสาธง มีลูกเสือกองหนึ่ง ถูกลงโทษเพราะมาถึงช้า เลยถูกทำโทษ
ให้กลิ้งไป จากขอบสนามนี้ไปจนสุดขอบสนามอีกฝั่ง มี อ.สุรพงษ์ สาธุภาค เอาหม้อดำๆ ทำท่าจะเอาไปป้ายตรงก้นคนที่กลิ้งไปช้าๆ
เสร็จแล้วก็กล่าวปิดพิธี เก็บเศษขยะ แล้วเอาเป้ไปไว้ที่รถปิกอัพคันหนึ่ง พอจบพิธีก็วิ่งข้นรถคันนั้น พากลับมาส่งถึง กพส.
ถึงในช่วงสายๆของวันนั้น แต่บางหมู่ลูกเสือ โชคร้าย ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน ต้องเดินกลับมาจากบ้านดงน้อย ถึง กพส. แต่ก็เดินมาถึงจนได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น